จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557

"ชีวิตนี้สำคัญนัก"

ชีวิตนี้สำคัญนัก
พุทธศาสนาสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวว่า
อปฺปกญฺจิทํ  ชีวิตมาหุ  ธีรา
ปราชญ์กล่าวว่าชีวิตนี้น้อยนัก
ทุกชีวิตไม่ว่าคน  ไม่ว่าสัตว์  มิได้มีเพียงเฉพาะชีวิตนี้  คือมิได้มีเพียงชีวิตในชาตินี้ชาติเดียว  แต่ทุกชีวิตมีทั้งชีวิตในชาติอดีต  ชีวิตในชาติปัจจุบัน และชีวิตในชาติอนาคต
“ชีวิตน้อยนัก”  หมายถึง ชีวิตในชาติปัจจุบันน้อยนัก สั้นนัก 
ชีวิตคืออายุ ชีวิตในปัจจุบันชาติของแต่ละคน อย่างยืนนานที่สุดก็เกินร้อยปีได้ไม่เท่าไร ซึ่งก็ดูเหมือนเป็นอายุที่ไม่ยืนมากนัก  แม้ไม่นำไปเปรียบกับชีวิตที่ต้องผ่านมาแล้วในอดีตที่นับชาติไม่ถ้วน นับปีไม่ได้ และชีวิตที่จะต้องเวียนวนเกิดตายต่อไปอีกในอนาคตที่จะนับชาติไม่ถ้วน นับปีไม่ได้อีกเช่นกัน
ที่ปราชญ์ท่านว่า  “ชีวิตนี้น้อยนัก” นั้น ท่านมุ่งให้เปรียบชีวิตนี้ กับชีวิตในอดีตที่นับชาติไม่ถ้วนและชีวิตในอนาคตที่จะนับชาติไม่ถ้วนอีกเช่นกัน  สำหรับผู้ไม่ยิ่งด้วยปัญญา  ไม่สามารถพาตนให้พ้นทุกข์สิ้นเชิงได้
ทุกชีวิตก่อนจะได้มาเป็นคนเป็นสัตว์อยู่ในปัจจุบันชาติ  ต่างเป็นอะไรต่อมิอะไรมาแล้วมากมาย  แยกออกไม่ได้ว่ามีกรรมดีกรรมชั่วอะไรบ้าง  ทำกรรมใดก่อน  ทำกรรมใดหลัง  ทั้งกรรมดีกรรมชั่วที่ทำไว้ในชาติอดีตทั้งหลาย  ย่อมมากมายเกินกว่าที่ได้มากระทำในชาตินี้ในชีวิตนี้อย่างประมาณมิได้  และกรรมดีกรรมชั่วทั้งหลายเหล่านั้น  ย่อมให้ผลตรงตามเหตุทุกประการ  แม้ว่าผลอาจจะไม่เกิดขึ้นพร้อมกันทุกสิ่งทุกอย่าง และอาจไม่เรียงลำดับตามเหตุที่ได้กระทำแล้วก็ตาม   แต่ผลทั้งหลายย่อมเกิดแน่  แม้เหตุได้กระทำแล้ว
เมื่อมีเหตุย่อมมีผล  เมื่อทำเหตุย่อมได้รับผล  และผลย่อมตรงตามเหตุเสมอ 
ผู้ใดทำ  ผู้นั้นจะเป็นผู้ได้รับผล  เที่ยงแท้แน่นอน
เมื่อใดกำลังมีความสุข  ไม่ว่าผู้กำลังมีความสุขนั้นจะเป็นเราหรือเขา  เมื่อนั้นพึงรู้ความจริงว่า เหตุดีที่ได้ทำไว้แน่กำลังให้ผล  ผู้ทำเหตุดีนั้นกำลังเสวยผลแห่งเหตุนั้นอยู่  แม้ปุถุชนจะไม่สามารถหยั่งรู้ให้เห็นแจ้งได้ว่า  ทำเหตุดีหรือกรรมดีใดไว้  แต่ก็พึงรู้พึงมั่นใจว่า  เหตุแห่งความสุขที่กำลังได้เสวยอยู่เป็นเหตุดีแน่  เป็นกรรมดีแน่  ผลดีเกิดแต่เหตุดีเท่านั้น  ผลดีไม่มีเกิดแต่เหตุไม่ดีได้เลย
เมื่อใดกำลังมีความทุกข์ความเดือดร้อน  ไม่ว่าผู้กำลังมีความทุกข์ความเดือดร้อนนั้นจะเป็นเราหรือเป็นเขา  เมื่อนั้นพึงรู้ความจริงว่า  เหตุไม่ดีที่ได้ทำไว้แน่กำลังให้ผล  ผู้ทำเหตุไม่ดีนั้นกำลังเสวยผลแห่งเหตุนั้นอยู่  แม้ปุถุชนไม่สามารถหยั่งรู้ให้เห็นแจ้งได้ว่าทำเหตุไม่ดีหรือกรรมไม่ดีไดไว้  แต่ก็พึงรู้พึงมั่นใจว่าทำเหตุแห่งความทุกข์ความเดือดร้อนที่กำลังได้เสวยอยู่เป็นเหตุไม่ดีแน่  เป็นกรรมไม่ดีแน่  ผลไม่ดีเกิดแต่เหตุไม่ดีเท่านั้น  ผลไม่ดีไม่มีเกิดแต่เหตุดีได้เลย
ทำดีต้องได้ดีเสมอ  ไม่มียกเว้นด้วยเหตุผลใดทั้งสิ้น
เมื่อใดมีความคิดว่าเราทำดีไม่ได้ดี  หรือเขาทำดีไม่ได้ดีแต่กลับได้ดี  ก็พึงรู้ว่าเมื่อนั้นกำลังหลงผิดจากความเป็นจริง  กำลังเข้าใจผิดจากความเป็นจริง
ทำไม่ดีต้องได้ไม่ดีเสมอ  ไม่มียกเว้นด้วยเหตุผลใดทั้งสิ้น
(จากหนังสือ สิริมงคลของชีวิต  สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก)
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น